และแล้วสองหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้รถใช้ถนนมากที่สุดก็ได้มาร่วมมือ และเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายจราจรทางบก และการทำงานร่วมกันของทั้งสองหน่วยงานจะช่วยให้การใช้ท้องถนนในบ้านมีความสะดวกสบาย และความปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่คงต้องติดตามกันต่อไป
แม้ว่าก่อนหน้านั้นมีการกำหนดให้กรมการขนส่งทางบก มีอำนาจรับชำระค่าปรับที่ค้างชำระตามใบสั่งแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แต่การปฏิบัติยังไม่สามารถทำได้จริง เนื่องจากระบบข้อมูลของทั้งสองหน่วยงานยังไม่เชื่อมโยงกัน
ชำระค่าปรับที่กรมขนส่งฯ
ต่อมาเมื่อมี พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.4/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย. 62 กำหนดให้ทั้งสองหน่วยงานเชื่อมโยงข้อมูล แต่เนื่องจากทั้งคู่จะต้องกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และวิธีการต่างๆ ร่วมกันให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วัน พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ นั้นจึงเท่ากับว่า “ในวันที่ 19 ธ.ค. 62 จะเป็นวันแรกที่กรมการขนส่งฯ รับชำระค่าปรับตามใบสั่งแทน สตช.” นอกจากนั้นยังสามารถจ่ายค่าปรับดังกล่าวพร้อมกับการชำระภาษีประจำปี ได้ที่กรมการขนส่งฯ ทุกแห่งทั่วประเทศ
ชำระค่าปรับช่องทางอื่น
นอกเหนือไปจากนั้นผู้ขับขี่สามารถไปจ่ายค่าปรับที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ หรือจ่ายในช่องทางอื่นเช่น ไปรษณีย์ทุกสาขา เคาน์เตอร์บริการของธนาคารกรุงไทย ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย แอปพลิเคชันกรุงไทย NEXT และหน่วยบริการรับชำระเงินที่มีสัญลักษณ์ PTM (เช่น กลุ่ม CenPay และตู้บุญเติม) ภายใน 30 วัน
ช่องทางตรวจสอบข้อมูลใบสั่ง
สุดท้าย สตช. ได้ทำเว็บไซต์ใบสั่งจราจรออนไลน์ ptm.police.go.th/eTicket/#/ หรือ e-Ticket เพื่ออำนวยความสะดวกสบายให้ประชาชนได้ได้ศึกษาข้อมูล และตรวจสอบใบสั่งจราจร จำนวนค่าปรับ และช่องทางการชำระค่าปรับ
เครดิต : กรมการขนส่งทางบก
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้ที่ Thaicarlover.com หรืออีกหนึ่งช่องทางง่ายๆ จากทางแฟนเพจ เพียงกด