หลังจากที่มีภาพหลุดออกมาหลายครั้ง ในที่สุดวันนี่นิสสันก็ได้เผยโฉม Nissan Leaf 2018 (นิสสัน ลีฟ 2018) รถพลังงานไฟฟ้าสุดแรงอย่างเป็นทางการแล้ว
Nissan Leaf 2018
ดูจากรูปโฉมภายนอกที่เผยออกมาแล้ว จะสังเกตได้ว่า Nissan Leaf 2018 (นิสสัน ลีฟ 2018) มีการปรับดีไซน์ให้ดูโฉบเฉี่ยวทันสมัยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้ารถ ไฟท้าย ไฟตัดหมอก หรือไฟ Daylight ที่เป็นแบบ LED ทั้งหมด เสา C ที่ใช้สีดำให้รับกับกระจกหน้าต่าง, กระจังหน้าสีดำผิวกราฟฟิคสีเงิน, กันชนท้ายแถบสีเงิน, สปอยเลอร์ท้าย, ที่ชาร์จไฟด้านหน้า รวมไปถึงบางรุ่นจะมีหลังคาสีดำกับสีน้ำให้เลือกอีกด้วย
ตัวถังของ Nissan Leaf 2018 (นิสสัน ลีฟ 2018) ก็เป็นอีกอย่างที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะได้รับการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์หรือ Aero Dynamic ทำให้การขับขี่มีประสิทธิภาพที่ดีกว่าเดิม โดยข้อมูลของตัวถังคร่าวๆจะประกอบไปด้วย ความยาว 4,480 มม., ความกว้าง 1,790 มม., ความสูง 1,535 -1,545 มม., มีระยะฐานล้อ 2,700 มม. ความยาวช่วงล้อคู่หน้า 1,540 มม. และล้อคู่หลัง 1,555 มม. มีขนาดยาง 205/55R16 – 215/50R17, ความสูงใต้ท้องรถ 150 มม., ค่าสัมประสิทธิ์ต้านทานอากาศ 0.28 Cd น้ำหนักโดยรวม 1535 กก. พื้นที่โดยสาร 5 ที่นั่ง
ระบบขับขี่อัตโนมัติ
ส่วนเด็ดที่เป็นไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติหรือ ProPILOT ที่ได้เผยโฉมครั้งแรกไปแล้วใน Nissan Serena โดยระที่ว่านี้จะช่วยควบคุมคันเร่ง เบรก และพวงมาลัยได้อัตโนมัติได้เพียงแค่กดปุ่ม ProPILOT บนพวงมาลัย ซึ่งสามารถทำความเร็วได้ตั้งแต่ 30 กม./ชม. – 100 กม./ชม. โดยระบบ ProPILOTเป็นระบบที่รองรับในการใช้งานบนช่องเลนตรงทางเดียว ทั้งถนนทางโล่ง ไปจนถึงถนนที่มีการจราจรหนาแน่น และหากต้องการปิดระบบก็เพียงแค่กดปุ่ม ProPILOT อีกครั้ง
นอกเหนือไปจากนี้ ระบบ ProPILOT ยังช่วยในการจอดรถอัตโนมัติ ด้วยเซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 จุด รอบตัวรถเพื่อคำนวณระยะและองศาของวัตถุ เพื่อช่วยในการควบคุมตัวรถให้เข้าจอดอัตโนมัติ
e-Pedal
นอกจาก ProPILOT ยังมีอีกหนึ่งระบบใหม่ที่บรรจุใน Nissan Leaf คือ e-Pedal เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้สั่งการได้ทั้งเร่งความเร็ว, ชะลอตัว และหยุดรถได้โดยที่ยังเหยียบคันเร่ง ซึ่งทางนิสสันได้เคลมมาว่าสามารถใช้ได้จริงถึง 90% เพียงแค่เหยียบ e-Pedal เพียงอย่างเดียว
ยังไม่พอ Nissan Leaf ยังมีเทคโนโลยีสุดล้ำใหม่ๆอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมตัวรถให้อยู่ในช่องเดินรถอัจฉริยะ (Intelligent Lane Intervention), ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Intelligent Emergency Braking), ระบบแจ้งเตือนป้องกันรถออกจากเส้นเลน (Lane Departure Warning), ระบบตรวจจับจุดบอด (Blind Spot Warning), ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Traffic Sign Recognition), ระบบแจ้งเตือนป้องกันรถตัดท้ายขณะถอยออกจากช่องจอดรถ (Rear Cross Traffic Alert) และกล้องมองรอบตัวรถ (Intelligent Around View Monitor)
เครื่องยนต์
ในส่วนของเครื่องยนต์ Nissan Leaf ใช้แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 ซึ่งรับการพัฒนาใหม่ โดยให้พลัง 150 แรงม้า ที่ 3,283 – 9,795 รอบ/นาที ให้แรงบิด 320 นิวตัน-เมตร ที่ 3,283 รอบ/นาที ซึ่งการทดสอบในยุโรป Nissan Leaf สามารถวิ่งได้ไกลถึง 378 กม. ให้ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 144 กม./ชม. ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่ 16 ชั่วโมง ผ่านปลั๊ก 3kW และ 8 ชั่วโมงจากปลั๊ก 6kW อีกทั้งยังรองรับระบบชาร์จไฟแบบพิเศษ ที่สามารถชาร์จได้เร็วถึง 80% ภายใน 40 นาที
Nissan Leaf จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2017 และจะเริ่มจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเป็นที่แรกเดือนตุลาคมนี้ จากนั้นจะเริ่มทยอยจำหน่ายในสหรัฐฯ และยุโรปต้นปี 2018 โดยราคาเริ่มต้นในสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 29,990 เหรียญฯ
ส่วนในประเทศไทยนั้น เรียกได้ว่าเป็นข่าวดี เพราะว่ามีแนวโน้มจะได้เข้ามาจำหน่ายด้วย เนื่องจากอิงกับทางนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ และการกำหนดเพดานภาษีสรรพสามิตรที่ 2% เป็นการส่งเสริมผู้บริโภคให้หันมาเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้า และการส่งเสริมการจัดตั้งโรงงานผลิตให้มากขึ้น ซึ่งก็ต้องคอยจับตาดูกันต่อไปว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไร
By เมล์เครื่อง