Toyota Prius Plug-In Hybrid 2017 (โตโยต้า พรีอุส ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 2017) รุ่นใหม่มาถึงยุโรปแล้วนะครับ พร้อมกับปล่อยรายละเอียดของรถยนต์รุ่นนี้ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รูปลักษณ์ค่อนข้างแตกต่างจากรุ่นปกติ ซึ่งโตโยต้าออกแบบให้ Toyota Prius Plug-In Hybrid รุ่นนี่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง

อัตราการปล่อยมลพิษ Toyota Prius Plug-In Hybrid

ตัวเลขที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ใหม่มีทั้งการประหยัดพลังงาน การปล่อยมลพิษ ซึ่งโตโยต้าบอกว่าการทำงานร่วมกันของ Toyota Prius Plug-In Hybrid (โตโยต้า พรีอุส ปลั๊ก-อิน ไฮบริด) ด้วยเชื้อเพลิง 1 ลิตร สามารถวิ่งได้ 100 กม. และปล่อยก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ เพียง 22 กรัม/กม. ตามมาตรฐาน NEDC (New European Driving Cycle)

เครื่องยนต์ Toyota Prius Plug-In Hybrid

ระบบส่งกำลังของ Toyota Prius Plug-In Hybrid 2017 ได้รับการสนันสนุนโดยแบตเตอรี่ 8.8 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถชาร์จพลังงานให้เต็มในเวลา 3 ชม. (ไฟบ้าน) หรือเวลา 2 ชั่วโมง โดยใช้เครื่องชาร์จอย่างรวดเร็ว

รุ่นนี้ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร พร้อมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ส่งมอบขุมพลัง 120 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ความเร็วสูงสุดที่ 162 กม./ชม. หากใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างเดี่ยวสามารถวิ่งได้ไกลถึง 50 กม. ด้วยความเร็วสูงสุด 135 กม./ชม

ระบบการขับขี่  Toyota Prius Plug-In Hybrid 2017 

ระบบส่งกำลัง (Powertrain) มีด้วยกัน 4 โหมดได้แก่ HV Mode, EV Mode, EV City และ Battery Charge mode นอกจากนี้ Toyota Prius Plug-In Hybrid 2017 ยังได้เพิ่มโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ Normal, Power และ Eco

การออกแบบ Toyota Prius Plug-In Hybrid

โตโยต้ายังได้เปลี่ยนรูปแบบเฉพาะของระบบกันสะเทือนจากรุ่นปกติ ด้วยสปริง และดัมเบอร์เพื่อให้การขับขี่มีคุณภาพ และมั่นคง บนหลังคายังมีแผงเซลล์ซึ่งสามารถชาร์จไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ ซึ่งสามารถช่วยให้วิ่งได้อีก 5 กม.นอกจากนี้หลังคาผลิตด้วยเส้นคาร์บอนไฟเบอร์ (CFRP) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่นำเทคโนโลยีดังกล่าวมาผลิตรถยนต์เพื่อจำหน่าย และยังช่วยลดน้ำหนักได้ดีอีกด้วย

Toyota (โตโยต้า) ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพสำหรับการลดเสียงในระดับ NVH (เสียง การสั่นสะเทือน และความรุนแรง) โดยการติดตั้งกระจกป้องกันเสียงสะท้อนด้านหน้า ซีลด้านข้างของกระโปรงหน้าเพื่อป้องกันเสียงที่ดังออกมา และบังโคลนใช้วัสดุยูรีเทน

สิ่งอำนวยความสะดวกแตกต่างจากตลาดอเมริกา และญี่ปุ่นซึ่งใช้ระบบ Infotainment หน้าจอสัมผัสขนาด 11.6 นิ้ว แต่ตลาดยุโรปจะมีหน้าจอกราฟิกขนาด 8 นิ้วพร้อมกัน หน้าจอคู่ขนาด 4.2นิ้ว ติดตั้งด้านหน้าฝั่งคนขับ

คุณสมบัติอื่น ๆ เช่น อุปกรณ์ชาร์จไร้สาย หน้าจอแสดงผล (head-Up Display) แบบสี ระบบช่วยจอดอัจฉริยะแบบใหม่ (S-IPA) เป็นต้น

เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงสาระดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลและขับขี่รถอย่างปลอดภัย การจัดแสดงรถยนต์อื่น ๆ ได้ที่  Thaicarlover.com ครับ