เราเข้าใจกันโดยทั่วไปว่ารถพลังงานไฟฟ้าจะมาช่วยลดมลพิษในเมืองที่เกิดขึ้นจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน อย่างไรก็ตามมีผลการศึกษาใหม่แสดงให้เห็นว่ารถพลังงานไฟฟ้าอาจก่อมลพิษในประเทศจีนเพิ่มขึ้น
รัฐบาลจีนมีความมุ่งมั่นในการเป็นประเทศผู้นำในด้านการพัฒนา และการผลิตรถพลังงานไฟฟ้า ดังนั้นจึงมีการเสนอเงินอุดหนุนจำนวนมากเพื่อมาส่งเสริมให้ผลิต และให้ผู้คนหันมาซื้อรถพลังงานทางเลือกนี้
แต่ปัญหาคือพลังงานไฟฟ้าส่วนใหญ่ของประเทศจีนมาจากถ่านหิน
Scott Kennedy จากสถาบันวิจัยนโยบายการต่างประเทศ และยุทธศาสตร์ (Center for Strategic and International Studies—CSIS) กล่าวว่า “การเปลี่ยนไปใช้รถพลังงานไฟฟ้าไม่ได้เป็นการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากกระแสไฟฟ้าที่ได้มานั้นผลิตมาจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งในประเทศจีนคือถ่านหิน”
“รถพลังงานไฟฟ้าอาจเป็นเพียงแค่การย้ายมลพิษทางอากาศจากพื้นที่ส่วนหนึ่งไปยังอีกพื้นที่ส่วนหนึ่งของประเทศ”
Financial Times รายงานว่า มีงานที่ได้รับการตีพิมพ์จากสถาบันวิจัยการขนส่งของมหาวิทยาลัยมิชิแกน พบว่ารถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันน้อยกว่า 7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (40 MPG) เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่ารถพลังงานไฟฟ้าที่มาจากประเทศจีน ประโยชน์ของรถเครื่องยนต์สันดาปภายในจะยิ่งเด่นชัดขึ้น เมื่อพิจารณาต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมในการผลิตรถพลังงานไฟฟ้า
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และมหาวิทยาลัยชิงฮว๋า ได้รายงานว่าการผลิตรถพลังงานไฟฟ้า รถปลั๊กอินไฮบริด และรถระบบเซลล์เชื้อเพลิง ของประเทศจีนสร้างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 50% ซึ่งมากกว่าการผลิตรถที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน
ในปี 2017 การผลิตพลังงานไฟฟ้ามาจากถ่านหิน 72% และภายในปี 2040 คาดว่าตัวเลขน่าจะลดลงต่ำกว่า 50% นั่นคือเป็นเวลา 22 ปีนับจากวันนี้
ในช่วงเวลาดังกล่าวโรงงานถ่านหินยังคงทำให้สิ่งแวดล้อมปนเปื้อน แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็มีการผลิตรถพลังงานสีเขียวที่ใช้กระแสไฟฟ้าที่ได้จากถ่านหิน ดูแล้วมันช่างย้อนแย้งกันเหลือเกิน
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงสาระดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลและขับขี่รถอย่างปลอดภัย การจัดแสดงรถยนต์อื่น ๆ ได้ที่ Thaicarlover.com ครับ