ถ้าพูดถึงกระจกรถยนต์ หลาย ๆ คนคงนึกถึงแต่กระจกธรรมดาทั่วไปไม่ได้พิเศษอะไรมาก แต่หารู้ไม่ กระจกรถยนต์นั้นไม่ใช้กระจกธรรมดาปกติทั่วไป กระจกรถยนต์นั้นจะมีความแข็งแรงกว่ากระจกทั่วไป 3-5 เท่า มีคุณสมบัติที่ทนต่อแรงกระแทก แรงบิด และความร้อน ที่นิยมใช้กันอย่างมาก มี 2 แบบ คือ Tempered และ Laminated
1.Tempered
เป็นกระจกที่ออกแบบมาให้เวลาแตกนั้นจะร้าวไปทั้งแผ่น หรือที่เรียกกันว่า เม็ดข้าวโพด เมื่อเกิดการชนแล้วโดนกระจกนั้น ส่วนที่แตกจะเป็นเม็ดเล็ก ๆ มีความคมน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นอันตรายต่อผู้โดยสาร หรือถ้าบาดก็จะไม่เป็นแผลฉกรรจ์ กระจกแบบนี้จะมีความหนา 5 มม. กระจก Tempered จะแบ่งเป็น 2 แบบคือ Full Tempered การแตกของกระจกแบบนี้จะแตกแบบลามไปทั่วแผ่น และแบบ Zone Tempered ที่บริเวณส่วนกลางจะแตกเป็นชิ้นใหญ่ ๆ หน่อย
2.Laminated
กระจก 2 ชั้นที่พัฒนามาจาก Tempered มีความปลอดภัยสูงกว่า เป็นการทำกระจก 2 แผ่น มาเชื่อมติดกันโดยใช้แผ่นไวนิลใสที่มีความเหนียวมาวางไว้ระหว่างกระจกทั้ง 2 แผ่น ยึดติดกัน ทำให้ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ถึงกระจกแตกก็ยังคงสภาพยึดเกาะกันอยู่ กระจกประเภทนี้จะมีความหนาประมาณ 6 มม. มีความปลอดภัยสูง แตกเฉพาะจุด ไม่สร้างปัญหาในการมองเห็น เพราะรอยร้าวไม่ลามไปทั่วทั้งบาน และมีความคมน้อยกว่า
วิธีสังเกตว่ารถเราใช้กระจกแบบไหน
วิธีง่าย ๆ นั้นให้ดูที่มุมกระจกจะมีชนิดของกระจกเขียนกำกับไว้อยู่ โดยรถทั่วไปส่วนมากจะใช้แบบ Laminated มากกว่าเพราะมีความปลอดภัยสูงกว่า หากกระจกเกิดแตกจะไม่กระเด็นเข้าห้องโดยสาร ส่วนกระจกบานอื่นที่ใช้แบบ Tempered ก็ใช่ว่าจะไม่แข็งแรง จะใช้มือเปล่าหรือของแข็งทุบก็ยังแตกยากอยู่ดี ดังนั้นการทุบกระจกนั้นควรใช้ค้อนทุบกระจกโดยฉพาะ ควรจะมีติดรถไว้เพื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้ที่ Thaicarlover.com หรืออีกหนึ่งช่องทางง่ายๆ จากทางแฟนเพจ เพียงกด