ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราอาจจะเห็นราคาค่าตัวการเปลี่ยนมือของรถคลาสสิคแต่ละคันที่พุ่งทะยานขึ้นไปสูงมาก แต่อย่างไรก็ตามวันเหล่านั้นอาจจะเลือนหายไปในไม่ช้า
เดอะการ์เดียน รายงานว่าในปี 2016 ค่านิยมของรถคลาสสิคลดลง 10.4% เมื่อเหล่าเศรษฐี หรือมหาเศรษฐี ได้ห่างหายไปจากการลงทุนในรถยนต์ โดยหันไปลงทุนในภาพถ่าย และเครื่องดนตรีหายากแทน
ธนาคารเอกชนในลอนดอนรายงานว่า เมื่อปีที่ผ่านมามูลค่าของอุปกรณ์เครื่องดนตรีหายากเพิ่มขึ้น 16.4% ขณะเดียวกันงานศิลปะได้ลดลง 12% ในส่วนของภาพถ่ายนั้นน่าจะเป็นพื้นที่สำหรับการลงทุนใหม่ของเหล่าคนมีเงิน อย่างเช่นภาพถ่ายผู้คนที่เข้าไปชมงานศิลปะที่มีชื่อว่า “Art Institute of Chicago in 1990” ถูกประมูลไปในราคาสูงถึง $777,080
กลับมาที่เรื่องรถ ในการวิเคราะห์มูลค่าของรถคลาสสิคนั้น มีข้อกำหนดว่าต้องขายได้เงินมากกว่า $500,000 และแต่ละรุ่นต้องได้รับการเปลี่ยนมือผ่านการประมูลมามากกว่า 10 ครั้ง เพื่อการตรวจสอบในเรื่องของการกำหนดราคาอย่างถูกต้อง โดย 10 อันดับแรกของรถคลาสสิคที่คุณสมบัติครบถ้วน ได้แก่รถจากค่าย Ferrari 7 คัน และอีก 3 คันได้แก่ Mercedes-Benz 300 SL, Shelby Cobra 289 และ Aston Martin DB5
แม้ว่าตลาดรถคลาสสิกจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่รถบางรุ่นยังคงเดินหน้าทำลายสถิติในการประมูล อย่างเช่น Aston Martin DBR1 กลายเป็นรถยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีราคาแพงที่สุดที่เคยมีการเปลี่ยนมือมา โดยทำเงินไปถึง $22.55 ล้าน
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงสาระดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลและขับขี่รถอย่างปลอดภัย การจัดแสดงรถยนต์อื่น ๆ ได้ที่ Thaicarlover.com ครับ