บริษัทผลิตรถยนต์หลายค่ายต่างพัฒนา และผลิตรถพลังงานไฟฟ้าเพื่ออนาคตที่กำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าลืมความจริงที่ว่าในปัจจุบันผู้คนส่วนใหญ่ต่างขับขี่รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน และมันอาจจะใช้เวลากว่าที่รถพลังงานไฟฟ้าจะกลายเป็นยานพาหนะกระแสหลัก จะเพราะอะไรตามมาดูกัน
Amin Nasser (เอมิน นาสเซอร์) ซีอีโอ Saudi Aramco (ซาอุดิ อารามโก้) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศซาอุดิอาระเบีย ได้บอกว่า ให้เลิกอ้างถึงเรื่องยอดขายรถพลังงานไฟฟ้าที่จะมาสร้างปัญหาให้อุตสาหกรรมน้ำมัน โดยเขาอธิบายว่า “รถพลังงานไฟฟ้ายังคงเติบโต และมีส่วนแบ่งทางตลาดที่ดี แต่มันยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้”
เมื่อปีก่อนรถพลังงานไฟฟ้ามียอดขายเพิ่มขึ้นเกือบ 60% แต่ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียง 0.2% ของรถยนต์ทั้งหมดที่วิ่งอยู่บนถนน และด้วยจำนวนตัวเลขที่น้อยนิดอาจจะไม่ถูกต้องทั้งหมด
โดย นาสเซอร์ ได้ตั้งข้อสังเกตว่าตัวเลขจากสำนักงานพลังงานสากล (International Energy Agency) ที่บอกว่าทุกวันนี้มีรถพลังานไฟฟ้าวิ่งมากกว่า 2 ล้านคัน ได้รวมรถยนต์ที่ใช้พลังงานแบบไฮบริดราว ๆ 805,000 คัน และรถยนต์ที่ใช้พลังงานแบบลูกผสมเหล่านี้ถูกนับเข้าไปในกลุ่มรถพลังงานไฟฟ้า
เมื่อถึงปี 2030 ทาง IEA คาดการณ์ว่าจะมียานพาหนะมากกว่า 2 พันล้านคัน ซึ่งรวมถึงรถพลังงานไฟฟ้าราว ๆ 160 ล้านคัน แม้มันจะเกิดขึ้น แต่รถพลังงานสะอาดยังทำตัวเลขไม่ถึง 8% ของยานพาหนะทั้งหมด โดย นาสเซอร์ กล่าวว่า “จำนวนรถยนต์แบบทั่วไปยังคงมีอยู่ในตลาด แม้ว่าจะมีรถพลังงานทางเลือกที่มากขึ้นเมื่อเทียบกับวันนี้”
บริษัทผลิตน้ำมันมองเห็นผลกระทบจากรถพลังงานไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แต่ นาสเซอร์ เผยว่า น้ำมันดิบยังคงมีบทบาทสำคัญต่ออุตสหกรรมอากาศยาน การจัดส่งสินค้าหนักทางการเดินเรือ และการสร้างปิโตรเคมี ซึ่งมีการเติบโตที่เร็วกว่าภาคการขนส่งทางบก
แม้จะมีข่าวรถพลังงานไฟฟ้าจะลดความต้องการน้ำมันเท่ากับประเทศอิหร่านผลิตได้ แต่ซีอีโอของบริษัทน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในโลกออกมาแสดงความคิดเห็นว่ามันยังไม่เกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้แน่ และนั้นอาจจะทำให้บ้านเรายังคงได้ใช้รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายในกันไปยาว ๆ
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงสาระดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลและขับขี่รถอย่างปลอดภัย การจัดแสดงรถยนต์อื่น ๆ ได้ที่ Thaicarlover.com ครับ