ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปี ที่ Aston Martin DB ตั้งแต่รุ่น 1-5 ออกมาทำตลาดนั้นต่างได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และไม่มีท่าทีว่าบริษัทจะหยุดผลิต พร้อมกันนั้นยังแตกหน่อต่อรุ่นย่อยออกไปอีก เช่น Aston Martin DB4 ที่มีความแตกต่างกันถึง 5 แบบ และวันนี้มาพบกับตอนสุดท้ายของตำนานที่ยังมีลมหายใจกันครับ
หลังจาก Aston Martin DB5 ได้สิ้นสุดเวลาในการทำตลาดไว้เพียง 2 ปี ทางบริษัทจึงไม่รอช้าพร้อมกับส่ง Aston Martin DB6 (แอสตัน มาร์ติน ดีบี 6) ที่ใหญ่ และมีความสะดวกสบายกว่ามาทำตลาดในระหว่างปี 1965-1970 ด้วยจำนวน 1,788 คัน
ในปี 1967 Aston Martin DBS (1967-1972) ที่ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบจากรุ่น DB6 ถูกผลิตออกมาวางขายด้วยจำนวน 1,193 คัน นอกจากนี้ในปี 1969 แอสตันมาร์ติน ยังได้เปิดตัวรุ่น DBS ที่ใช้เครื่องยนต์ V8 ให้กำลัง 320 แรงม้า ออกมาวางจำหน่ายเคียงข้างเครื่อง 6 สูบ
ก่อนที่ Aston Martin DB7 (1994-2004) จะปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในปี 1994 สปอร์ตคาร์รุ่น DB ได้หายไปจากตลาดรถใหม่กว่า 23 ปี แต่น่าเสียดายที่ David Brown ไม่ได้เห็นมันเนื่องจากเขาได้เสียชีวิตไปในปีก่อนหน้านี้ ในระยะเวลาที่ DB7 ได้ทำตลาดเป็นเวลากว่า 10 ปี มันถูกผลิตไปกว่า 7,000 คัน
เมื่อถึงปี 2003 Aston Martin DB9 (2004-2016) เป็นรถยนต์รุ่นแรกที่ถูกส่งออกมาจากสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัท ที่ตั้งอยู่ในเมือง Gaydon มันเป็นหนึ่งในสปอร์ตคาร์ที่สวยที่สุดเท่าที่บริษัทเคยสร้างมา นอกจากนี้บริษัทได้ใช้รุ่น DB9 เป็นพื้นฐานในการผลิต Aston Martin DBS เจเนอเรชั่นที่ 2 (2007-2012) ซึ่งเป็นสัญญาณการกลับมาของแอสตันมาร์ติน บนจอเงินในหนังเรื่อง James Bond
แอสตันมาร์ติน ได้ผลิต Aston Martin DB10 (แอสตัน มาร์ติน ดีบี 10) เพื่อใช้เป็นรถคู่กายของสายลับ 007 ในภาค Spectre โดยพัฒนามาจากรุ่น V8 Vantage
สมาชิกล่าสุดของครอบครัว DB สุดแกร่งคือ Aston Martin DB11 ที่ถูกเปิดตัวในปี 2016 นอกจากนี้ยังมี DBS Superleggera ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็ว ๆนี้ และต้องค่อยติดตามว่ามันจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร