สำหรับรถคลาสสิค (Classic Car) แนวรถเรโทร (Retro Car) ญี่ปุ่น “ซามูไรวินเทจย้อนๆ” อีกคัน ที่ทาง ThaiCarLover.com ขอนำเสนอต่อ ในคอลัมน์ ต่อจากที่นำเสนอเจ้า รถคลาสสิค Toyota Starlet ปี 1978 ไปแล้ว คือ จุดเริ่มต้นของรถสุดฮิตในบ้านเรา ซึ่งเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก จากรถครอบครัวคันเล็กน่ารัก สู่รถขนาดเล็กที่ดูโฉบเฉี่ยว หล่อ สปอร์ต ซิ่ง โดนใจ
ขอเชิญทุกท่านพบกับเจ้าฮอนด้า ซีวิค รุ่นแรก ปี 1973 (Honda Civic 1973) ซึ่งในช่วงนั้นวางขายในราคาเพียงแค่ประมาณ 66,000 บาท (US$ 2,200) เท่านั้น ซึ่งแน่นอนตอนที่มีการวางจำหน่ายรุ่นนี้ เป็นช่วงวิกฤตน้ำมันโลกในยุคปี 70’s ซึ่งในตลาดอเมริกากำลังมองหารถเล็กประหยัดน้ำมัน แน่นอนรถญี่ปุ่นเล็กๆ อย่างเจ้าฮอนด้า ซีวิค โตโยต้า โคโรล่า (Toyota Corolla) และ ดัสสัน บี 210 (Datsun B210) ทำตลาดได้อย่างงดงามเนื่องจากเป็นรถขนาดเล็กที่คุณภาพเจ๋ง และประหยัดกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับรถเล็กจากค่ายลุงแซมทั้งหลาย
สำหรับเครื่องนั้น Honda Civic เริ่มต้นจำหน่ายในขนาด 1,169 .cc 4 สูบเรียง 50 แรงม้า (37 Kw) ซึ่งมีขนาดเป็นสองเท่าของเจ้ารถเล็กอย่าง Honda N600 ซึ่งมีขนาดเครื่องยนต์เพียง 599 .cc สโลแกนในช่วงนั้นสำหรับโฆษณาเจ้าซีวิค คือ “Honda, We Make it Simple.” โดยบอดี้ที่มีการจำหน่ายจะมีทั้งแบบ 4 ประตู (Sedan) และแบบ 5 ประตู (Hatchback) พร้อมดิสเบรกคู่หน้า เบาะหนังไวนิล พร้อมแดสบอร์ดแบบไม้ พร้อมระบบช่วงล่างและกันสะเทือนแบบอิสระทั้ง 4 ล้อ โดยเกียร์ธรรมดา 4 สปีด จะเป็นออฟฟชั่นธรรมดาสำหรับรุ่นนี้ ในส่วนของออฟชั่นพิเศษสำหรับ คือ ระบบเกียร์อัตโนมัติ 2 สปีด แบบ Hondamatic, ยางเรเดียล และที่ปัดน้ำฝนหลังสำหรับรุ่น 5 ประตู
เครื่องยนต์หลักๆ มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม โดยในปี 1974 ซีวิคมีการนำเสนอเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 1,237 .cc 52 แรงม้า และต่อมามีการนำเสนอเครื่องยนต์ขนาด 1,488 .cc ขนาด 53 แรงม้า แบบ CVCC (Compound Vortex Controlled Combustion) ซึ่งมีการปรับปรุงให้เครื่องยนต์ทำงานมีประสิทธิภาพ และเผาใหม่หมดจดยิ่งขึ้นสู่ตลาด และเป็นไปตามข้อบังคับด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศอเมริกา
สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบรถคลาสสิค (Classic Car) รถเรโทร (Retro Car) และ มัสเซิลคาร์ (Muscle car) อย่าพลาดติดตามว่าในครั้งถัดไปเราจะนำรถอะไรมานำเสนอให้เพื่อนๆ ชมกันนะครับ
ติดตามข่าวรถยนต์ใหม่ 2013 พร้อมทั้งอัลบั้มรูปรถยนต์เด่นๆ พริตตี้น่ารักๆ รวมถึงความเคลื่อนไหวในวงการรถยนต์ทั้งไทย และต่างประเทศได้ที่ Thaicarlover.com เช่นเคยครับ