หลังจากที่ได้เปิดตัว BMW Series 7 (G11) รุ่นปรับโฉมไปเมื่อ 2 เดือนก่อน วันนี้ซีดานสุดหรูจากค่ายบีเอ็มดับเบิลยู ได้เดินทางเข้าสู่กระบวนการผลิตในโรงงานซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Dingolfing แคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี

BMW Series 7 (บีเอ็มดับเบิ้ลยู ซีรีย์ 7) ซึ่งเป็นซีดานรุ่นแฟลกชิพของค่ายได้ปรับปรุงการออกแบบ และเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ไฟดีไซน์ใหม่ที่มีรูปทรงบางเฉียบ ไฟท้าย LED ที่เชื่อมต่อกันจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง

การออกแบบภายในถูกปรับปรุงด้วยการติดตั้งระบบ Infotainment รุ่นล่าสุด มีการตัดแต่งด้วยไม้แบบใหม่ นอกจากนี้ระบบป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกยังได้รับการปรับปรุงใหม่

BMW Series 7 2020 ยังคงมีตัวเลือกทั้งรุ่นมาตรฐาน และรุ่น LWB (ระยะฐานล้อยาว) โดยรุ่นหลังมีระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น 14 ซม. ซึ่งนี่ช่วยเพิ่มพื้นที่ด้านหลัง และตามรายงานจากผู้ผลิต เผยว่ารุ่น LWB มีความนิยมมากที่สุดด้วยอัตรายอดขายทั้งหมด 80%

อีกหนึ่งจุดเด่นของการปรับปรุง BMW Series 7 โฉมนี้คือระบบส่งกำลังใหม่อย่างเครื่องยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 6 สูบ ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นแรกของบริษัทที่ได้ใช้ขุมพลังนี้

สำหรับเครื่องยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด 6 สูบแบบใหม่ถูกนำเสนอใน BMW Series 7 2020 รุ่น 745e/745Le โดยมันให้กำลังรวม 394 แรงม้า (มอเตอร์ไฟฟ้ามีกำลัง 113 แรงม้า) นอกจากนั้นผู้ผลิตได้เปิดตัวแบตเตอรี่เจเนอเรชั่นที่ 4 ที่ช่วยให้การวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวมีระยะทางสูงสุดที่ 58 กม.

ส่วนระบบส่งกำลังแบบอื่น ๆ ได้แก่ เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบใหม่ ขนาด 4.4 ลิตร V8 กำลัง 523 แรงม้า (รุ่น 750i/750Li) ถัดมาคือเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ ดีเซล ขนาด 3.0 ลิตร 6 สูบ ที่ให้กำลังที่แตกต่างกันดังนี้ 265 แรงม้า (รุ่น 730d) 320 แรงม้า (รุ่น 740d) และ 400 แรงม้า (รุ่น 750d) สุดท้ายกับตัวท็อปมาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 6.6 ลิตร V12 กำลัง 585 แรงม้า (รุ่น M760Li)

นับตั้งแต่ปี 1977 ที่มีการผลิต BMW Series 7 เจนฯ แรก บีเอ็มดับเบิลยู ได้ใช้โรงงาน Dingolfing สร้างซีดานสุดหรูรุ่นนี้ไปแล้วกว่า 1.9 ล้านคัน และในปี 2018 การผลิตทั้งหมดถูกส่งออกไปนอกประเทศ 90% และจำนวนดังกล่าวถูกส่งไปทำตลาดในจีนถึง 44%

เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้ที่ Thaicarlover.com หรืออีกหนึ่งช่องทางง่ายๆ จากทางแฟนเพจ เพียงกด