การจะมีรถยนต์สักคันหนึ่ง หลายคนอาจไม่ต้องการซื้อด้วยเงินสด จึงต้องทำให้ต้องไปผ่อนกับไฟแนนซ์ และเงินในแต่ละงวดที่ผู้เช่าซื้อจ่ายไปนั้นจะเป็นการจ่ายแบบ “อัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ต่อปี” (Fixed Interest Rate) ซึ่งไม่มีการเงินลดต้น และดอกเบี้ย คำนวณไปจนสุดสัญญาได้เท่าไหร่ก็จ่ายไปเท่านั้น
แต่การเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นเมื่อเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศว่าด้วย “สัญญาเรื่อง ให้ธุรกิจให้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์เป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2561”
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือการคิดดอกเบี้ยแบบ “อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี” (Effective Interest Rate) คือ อัตราดอกเบี้ยที่คิดแบบลดต้นลดดอก เหมือนกับการคํานวณดอกเบี้ยเพื่อซื้อบ้าน หรือที่อยู่อาศัย โดยคิดดอกเบี้ยจากเงินต้นคงเหลือในแต่ละงวด
นอกเหนือไปจากนั้นยังมีสาระสำคัญ และเงื่อนไขที่อาจะเป็นประโยชน์ต่อใครหลายคน คือหากผู้เช่าซื้อต้องการจ่ายจ่ายเงินทั้งหมดในครั้งเดียว เพื่อปิดบัญชี ผู้ให้เช่าซื้อต้องให้ส่วนลดแก่ผู้เช่าซื้อไม่น้อยกว่า 50% ของดอกเบี้ยที่ยังไม่ถึงกำหนดการชำระ
สุดท้ายในสัญญาต้องไม่มีสิ่งเป็นเป็นลักษณะ หรือความหมายไปในทำนองเดียวกันนี้ คือ
ให้ผู้ให้เช่าซื้อคิดเบี้ยปรับในกรณีที่ผู้เช่าซื้อผิดนัดการจ่ายค่างวดตามสัญญาเช่าซื้อ เกินกว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงต่อปี (Effective Interest Rate) บวก 3% ต่อปี แต่ต้องไม่เกินอัตรา 15% ต่อปี
สัญญาที่กำหนดว่าผู้เช่าซื้อต้องรับผิดชําระค่าเช่าซื้อให้ครบถ้วนตามสัญญาในกรณีรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ที่เช่าซื้อสูญหาย ถูกทําลาย ถูกยึด ถูกอายัด หรือถูกริบ โดยไม่ได้เป็นความผิดของผู้เช่าซื้อ
แต่ก็อีกนั่นแหละ ไฟแนนซ์หลาย ๆ เจ้ายังมีอัตราการคิดดอกเบี้ยทั้ง 2 แบบให้กับผู้เช่าซื้อได้เลือก และประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้ที่ Thaicarlover.com หรืออีกหนึ่งช่องทางง่ายๆ จากทางแฟนเพจ เพียงกด