ในอนาคตความต้องการซื้อ หรือใช้น้ำมันอาจจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากหลายค่าย ๆ เริ่มกำหนดการผลิตรถ EV หรือรถพลังงานไฟฟ้าด้วยกันหลายรุ่น อีกทั้งยังมีหลายประเทศเริ่มประกาศแผนห้ามนำรถเครื่องยนต์สันดาปภายในมาใช้งานอีกด้วย
สำนักข่าว CNBC รายงานการวิเคระห์ของธนาคาร Barclays ว่า เมื่อเข้าสู่ปี 2025 จำนวนการใช้รถพลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นจะทำให้โลกสามารถประหยัดน้ำมันรถยนต์ได้มากถึง 3.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน (556.5 ล้านลิตรต่อวัน)
ตัวเลขดังกล่าวใกล้เคียงกับปริมาณน้ำมันที่ประเทศอิหร่านผลิตได้ต่อวัน (อิหร่านเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของกลุ่ม OPEC)
ถ้าหากในปี 2040 รถพลังงานไฟฟ้าเข้าไปครอบครองตลาดรถยนต์ได้หนึ่งในสาม อาจจะทำให้ความต้องการน้ำมันลดลงถึง 9 ล้านบาร์เรลต่อวัน (1,431 ล้านลิตรต่อวัน) หรือประมาณ 90% ที่ประเทศซาอุดีอาระเบียผลิตน้ำมันได้ต่อวัน
อย่างที่ได้บอกมาแล้วข้างต้นที่หลายประเทศได้ประกาศห้ามรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในวิ่งบนถนน เช่นประเทศฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร เยอรมัน อินเดีย และจีน เมื่อได้ดูรายชื่อแล้วจะเห็นได้ว่าประเทศเหล่านี้ต่างเป็นประเทศที่มีอิทธิพลในด้านต่าง ๆ ของโลก
เมื่อปีที่แล้วยอดจำหน่ายรถพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกเพิ่มขึ้น 40% และจำนวนตัวเลขของรถอีวีที่วิ่งอยู่บนถนนมีราว ๆ 2 ล้านคัน หรือคิดเป็น 0.2% ของรถที่ใช้งานอยู่ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม รถพลังงานไฟฟ้ายังคงต้องใช้เวลาในการเดินทางที่ยาวไกล กว่าจะบรรลุเป็นยานพาหนะกระแสหลัก และเรื่องของแบตเตอรี่ยังคงต้องพัฒนากันต่อไปเพื่อการใช้งานที่นานขึ้น
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงสาระดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลและขับขี่รถอย่างปลอดภัย การจัดแสดงรถยนต์อื่น ๆ ได้ที่ Thaicarlover.com ครับ