ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ดี จะใช้เงินซื้อของสักอย่างคงต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดีก่อนจะซื้ออะไร แต่ก็ยังมีอีกทางเลือกนึงที่สามารถช่วยเราในการประหยัดเงินได้ นั้นคือสินค้ามือสอง แต่พอขึ้นชื่อว่ามือสองนั้นเราคงต้องอาศัยความชำนาญในการเลือกให้มากขึ้น โดยโดยเฉพาะรถยิ่งต้องดูให้ดีเลยทีเดียว ไม่งั้นคงได้ของแถมที่ไม่อยากได้หรือปัญหาต่าง ๆ มาแน่นอน
วันนี้เราจึงของนำเสนอ 4 วิธีเช็ครถมือสองก่อนซื้อ เพื่อให้คุณได้รถที่เหมาะกับเงินที่เสียไป และคุ้มค่าที่สุด
1.เช็คสภาพรถคันที่สนใจ ควรเช็คสภาพรถให้ถี่ถ้วน ทั้งการทำสี ดูร่องรอยของสนิมตามจุดต่าง ๆ รอยนูน รอยบุ๋ม รอยขรุขระ รอยถลอก ดูการแตกร้าวของชิ้นส่วนนั้น ๆ ดูภายนอกแล้ว ต้องดูภายในด้วย เช่น เบาะที่นั่งอยู่ในสภาพดีหรือไม่ ต้องไม่มีรอยฉีกขาดหรือรอยเย็บ และอย่าลืมดูถึงล้อรถ ยางอะไหล่และเครื่องมือประจำรถว่ามีครบหรือไม่ หากเรียบร้อยดีก็นำเป็นตัวเลือกแรก ๆ ได้เลย
2.เช็คเครื่องยนต์ ควรเช็คตั้งแต่เครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงหน้า ใต้ท้องรถ ระบบเบรก ท่อยาง สายสะพานต่าง ๆ เช็คฝาน้ำมันด้วยว่ามีสภาพดีหรือป่าว มีรอยรั่ว คราบรอยดำ รอยแตกและสนิมต่าง ๆ หรือไม่ และสีของของเหลวในเครื่องนั้นผิดปกติหรือป่าว
3.เช็คประวัติของรถ ประวัติรถยนต์นั้นสามารถเช็คความเป็นมาได้ว่าทำไมเจ้าของเก่านั้นถึงขาย และควรเช็คระยะทางที่ใช้งานนั้นอยู่ที่กี่กิโลเมตรต่อปี ระยะทางนั้นบอกอายุการใช้งานของรถได้ โดยรถปกติทั่วไปจะมีระยะทางในการใช้ประมาณ 25,000 – 35,000 กม. ต่อปี และอย่าลืมเช็คคู่มือเข้าศูนย์บริการประจำรถ เพื่อดูประวัติการเข้าซ่อมบำรุงต่าง ๆ คู่มือเหล่านี้จะบอกปัญหาที่เกิดขึ้นของตัวรถได้ ทำให้คุณสามารถประเมินรถคันนี้ได้ง่ายขึ้น
4.ทดลองขับ หลังเช็คเครื่องยนต์ ตรวจประวัติแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือการทดลองขับด้วยตัวเอง เพื่อดูว่ารถเกิดผิดปกติอะไรหรือป่าว เช่น เสียงการเบรก รถโคลงเคลงหรือไม่ และการขับรถนั้นยังทำให้รู้ว่ารถคันนี้เหมาะกับเราหรือป่าว ถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่บอกอะไรได้หลายอย่างเลยทีเดียว
ทั้งหมดก็เป็นวิธีง่าย ๆ สำหรับคนที่กำลังสนใจจะซื้อรถมือสองได้สามารถเช็คสภาพเบื้องต้นนั้นด้วยตัวเอง หรือถ้าจะเอาให้ดีจะพาเพื่อนหรือคนรู้จักที่รู้เรื่องรถเป็นอย่างดีไปช่วยดูนั้น ก็จะช่วยให้การตัดสินใจนั้นง่ายขึ้นมาก แค่นี้ก็หมดปัญหาเรื่องจุกจิกของรถมือ 2 อย่างแน่นอน
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้ที่ Thaicarlover.com หรืออีกหนึ่งช่องทางง่ายๆ จากทางแฟนเพจ เพียงกด