มาสด้าได้เฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีของรถยนต์ที่เป็นสัญลักษณ์ของค่ายอย่าง Mazda RX-7 ที่เป็นสปอร์ตคาร์เครื่องยนต์โรตารี่ระดับตำนานที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเองไปทั่วโลก
ย้อนไปเมื่อ 40 ปีก่อนในปี 1978 มาสด้าได้เปิดตัว Mazda RX-7 (มาสด้า อาร์เอ็กซ์ 7) ในตลาดบ้านเกิด รถสปอร์ตสองประตูรุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์โรตารี่ขนาด 1.2 ลิตร ให้กำลัง 103 แรงม้า ที่สามารถสร้างแรงหมุนถึง 7,000 รอบต่อนาที
Mazda RX-7 เจเนอเรชั่นแรก (รหัส FB) ได้สร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วยยอดขายทั่วโลกในระหว่างปี 1978–1985 ที่มากกว่า 470,000 คัน นอกจากนี้นิตยสาร Car and Driver ยังได้มอบตำแหน่ง Ten Best หรือรถยนต์ที่ดีที่สุดของปีถึง 5 ครั้ง และรวมทั้ง 3 เจนฯ มาสด้าได้ปล่อย Mazda RX-7 ไปบนถนนมากกว่า 800,000 คัน
ต่อมาในปี 1985 มาสด้าได้เปิดตัว Mazda RX-7 ขุมพลังเทอร์โบ พร้อมกับเจนฯ ที่ 2 (รหัส FC) โดยมาสด้า อาร์เอ็กซ์ 7 มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์ N/A และเทอร์โบชาร์จ สำหรับสเปคอเมริกาเหนือให้กำลัง 146 แรงม้า และ 182 แรงม้าตามลำดับ ในขณะรุ่นเทอร์โบในตลาดอื่นมีกำลังสูงถึง 215 แรงม้า
รุ่นที่โดดเด่นมากที่สุดได้ถูกเปิดตัวมาในปี 1982 ด้วยรหัส FD ที่ได้รับการผลิตไปจนถึงปี 2002 โดยบริษัทได้ออกแบบรูปทรงที่เป็นตัวของตัวเอง เป็นอมตะ และยังดูทันสมัยแม้กาลเวลาจะไปเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ซึ่งต่างจากเจนฯ ที่ 2 ที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจาก Porsche 944
ขุมพลังที่อยู่ใต้ฝากระโปรงเจนฯ ที่ 3 คือเครื่องยนต์โรตารี่ 13B ทวินเทอร์โบ ขนาด 1.3 ลิตร ที่ให้กำลังระหว่าง 252-280 แรงม้า (มี 3 เครื่องยนต์ให้เลือก)
มาสด้ามีความภาคภูมิใจกับ Mazda RX-7 ที่ประสบความสำเร็จในวงการมอเตอร์สปอร์ตไม่ว่าจะเป็นการแข่งบนสนาม หรือในรายการแรลลี่ โดยเครื่องยนต์โรตารี่ของมาสด้าสามารถคว้าชัยชนะใน Spa 24 Hours 1981 นอกจากนี้ยังได้เข้าไปร่วมแข่งที่สนาม Le Mans และได้เป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันสุดระห่ำอย่างแรลลี่ Group B
ส่วนในภาพยนตร์ The Fast and the Furious หลาย ๆ ภาค เรามักจะเห็น Mazda RX-7 รหัส FD ปรากฏตัวอยู่บ่อย ๆ เช่นในภาคแรกที่ดอมใช้ขับชนะไบรอัน ภาค 2 คันสีแดงที่ใช้แข่งบนถนนในช่วงต้นเรื่อง หรือคันสีส้มที่ฮาน ใช้ขับในโตเกียว ของภาคที่ 3
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้ที่ Thaicarlover.com หรืออีกหนึ่งช่องทางง่ายๆ จากทางแฟนเพจ เพียงกด