มาพบกันต่อกับรถยนต์จากค่ายม้าลำพองที่มีโดดเด่นในแต่ละยุค หลังจากตอนที่ 1 ได้นำเสนอรุ่นที่ผลิตในยุค 50 และ 60 ไปแล้ว ตอนสุดท้ายมาพบกับรถยนต์เฟอร์รารี่อีก 4 รุ่นเด่น ดังนี้
ทศวรรษ 1980 : Ferrari F40
ในยุค 80 จะมีรถยนต์รุ่นไหนมีชื่อเสียงดังกว่า Ferrari F40 (1987–1992) นี่คือเฟอร์รารี่รุ่นสุดท้ายที่ Enzo Ferrari (1898-1988) อนุมัติให้มีการผลิตเพื่อฉลองวาระครอบรอบ 30 ปี ของบริษัท การออกแบบใช้เทคโนโลยีของรถสูตรหนึ่งที่ทันสมัย อีกทั้ง ฝาสูบ อ่างน้ำมันเครื่อง ท่อร่วมไอดี และหัวหมูเกียร์ ใช้วัสดุ
แมกนีเซียม (โลหะน้ำหนักเบา ราคามากกว่าอะลูมิเนียมถึง 5 เท่า ) ส่วนประตู ฝากระโปรงหน้า หลังใช้คาร์บอนไฟเบอร์ โดยมีน้ำหนักรวมเพียง 1,100 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งถือว่ามีน้ำหนักที่เบามากเลยทีเดียว
เครื่องยนต์ทวินเทอร์โบ ขนาด 2.9 ลิตร V8 ให้กำลัง 478 แรงม้า ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 324 กม./ชม.
สำหรับจำนวนการผลิตทางค่ายม้าลำพองได้วางแผนผลิตเพียง 400 คัน แต่ด้วยความต้องการที่มากขึ้นจึงทำให้การผลิตไปหยุดอยู่ที่ 1,311 คัน และราคาที่ออกมาจากโรงงานในปี 1987 อยู่ที่ $400,000
ทศวรรษ 1990 : Ferrari F355
หลังจาก เอ็นโซ่ เฟอร์รารี่ เสียชีวิต รถรุ่นใหม่อย่าง Ferrari 348 ได้เปิดตัวมาในปี 1989 แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร จึงทำให้ Ferrari F355 ถูกออกแบบ และผลิตมาแทนที่ในปี 1994 ซึ่งมันมาพร้อมเครื่องยนต์วางกลาง ขนาด 3.5 ลิตร V8 ให้กำลัง 375 แรงม้า เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ระบบขับล้อหลัง สองที่นั่ง มีตัวถังให้เลือกทั้งแบบ Coupe, Targa, spider และผลิตทั้งหมด 11,273 คัน
แม้เวลาจะล่วงผ่านมากว่า 20 ปี แต่ Ferrari F355 ยังคงสวยงามแบบด้วยขนาดเล็กกะทัดรัด และความก้าวหน้าทางเทคนิคในยุคนั้น พร้อมกับการออกแบบของบริษัท ทำให้สปรอ์ตคาร์รุ่นนี้คือจุดเริ่มต้นของรถเฟอร์รารี่ยุคใหม่
ทศวรรษ 2000 : Ferrari 430 Scuderia
Ferrari 430 Scuderia ได้เปิดตัวมาในงานแฟรงเฟิร์ต ออโต้ โชว์ ปี 2007 ออกแบบโดยใช้ระบบส่งกำลังของรถสูตรหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นระบบป้องกันล้อหมุนฟรีอย่าง (F1-Trac Traction Control) ระบบควบคุมการทรงตัว (Stability Control) และระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์แบบ E-Diff Electronic Differential พร้อมกันนั้นความซับซ้อนของระบบขับเคลื่อนทำให้มันคือสุดยอดประสบการณ์สำหรับขับขี่รถสูตรหนึ่งไปบนถนนธรรมดา
นี่คือการเปลี่ยนแปลงในรุ่นมาตรฐานอย่าง Ferrari F430 (ผลิต 2004-2009) ในหลาย ๆ ด้าน ไม่ว่าจะตัดน้ำหนักส่วนเกินออก ให้มันมีสมรรถนะที่สูง และมีน้ำหนักเบากว่ารุ่นรุ่นมาตรฐานราว ๆ 100 กก. พร้อมเครื่องยนต์ V8 ที่มีกำลัง 510 แรงม้า เร่งได้จาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 319 กม./ชม. อัตราส่วนแรงม้าต่อนํ้าหนัก 2.45 กก./แรงม้า
ทศวรรษ 2010: Ferrari 458 Speciale
Ferrari 458 Speciale (2013-2015) คือรถที่มีเทคโนโลยีเครื่องยนต์ V8 ทีดีที่สุดในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพของหลักอากาศพลศาสตร์ที่ดีกว่าเดิม การทำงานของเครื่องยนต์ ระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์แบบ Side Slip angle Control system (SSC) ที่ช่วยให้ในการควบคุม และสามารถเปลี่ยนรูปแบบการขับขี่ตามแบบฉบับของตัวเอง นอกจากนี้ระบบควบคุมดังกล่าวยังเป็นมาตรฐานในรถของม้าลำพองในรุ่นต่อ ๆ มา
สำหรับนวัตกรรมพลังขับเคลื่อนที่รับการถ่ายทอดมาจากรถสูตรหนึ่งนั้นถือว่า Ferrari 458 Speciale เป็นม้าลำพองที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ด้วยเครื่องยนต์ ขนาด 4.5 ลิตร V8 กำลังมากถึง 605 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3 วินาที
โดยสปอรร์ตคาร์รุ่นดังกล่าวได้พัฒนา และแยกออกมาจาก Ferrari 458 (ผลิต 2010–2015) ไม่แค่รุ่นเดียวเท่านั้นยังมี Ferrari 458 Italia และ Ferrari 458 Spider เป็นต้น
เมื่อ Ferrari มีอายยุครบรอบ 7 ทศวรรษ หากมองย้อนไปในแต่ละยุคมีม้าลำพองรุ่นไหนบ้างที่โดดเด่น และสวยงามในสายตาของคุณบ้างครับ