Alfa Romeo Junior รถ SUV ไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์ เปิดตัวอย่างเป็นทางการด้วยชื่อ Milano แต่ด้วยเหตุผลของชื่อเป็นการละเมิดกฎหมายในเชิงผลิตภัณฑ์ ทางรัฐบาลอิตาลีเลยแจ้งให้เปลี่ยน
เพราะคำว่า มิลาน (อังกฤษ: Milan) หรือ มีลาโน (อิตาลี: Milano) หมายถึงเมืองเอกของแคว้นลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี ถือเป็นนครที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ แต่ตัวผลิตภัณฑ์เองมีแพลนที่จะผลิตที่ ประเทศโปแลนด์ ไม่ใช่ใน ประเทศอิตาลี ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าเข้าใจผิดได้ จึงได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น “Junior” แทน
นโยบายของ CEO ทางค่าย Alfa Romeo ตั้งเป้าจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าโดยเริ่มในปี 2570 เป็นต้นไป จึงได้ทำการถืผลิตเจ้า Junior ซึ่งเป็นรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกของแบรนด์ โดยมีดีไซน์ที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ให้กลายมาเป็นรถยนต์ Subcompact Crossover
ภายนอก Alfa Romeo Junior
ดีไซน์ภายนอกมีความสปอร์ต ทันสมัย ด้วยขนาด ตัวรถยาว 4.1 เมตร สูง 1.5 เมตร ตัวล้อเป็นแบบสี่ก้านที่ผสานความหรูหรา ติดตั้งดิสก์เบรกหน้าขนาด 15 นิ้ว ที่ยึดโดยคาลิเปอร์สี่สูบซึ่งซ่อนอยู่หลังล้อขนาด 20 นิ้ว ในขณะที่เฟืองท้าย Torsen เป็นแบบล็อคตัวเองด้วยกลไกช่วยกระจายแรงบิด
มาพร้อมกับกระจังหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ที่ตกแต่งด้วยรูปงูและกากบาทตรงสามเหลี่ยมโครเมียมของแบรนด์ซ้อนทับอยู่บนตาข่าย ประดับด้วยโลโก้ Alfa Romeo แบบดั้งเดิมบริเวณฝากระโปรง และปรับปรุงแถบกันโคลงทั้งด้านหน้าและด้านหลังใหม่หมด
ภายในห้องโดยสาร Alfa Romeo Junior
การออกแบบภายในอยากให้ดูแตกต่างจากรุ่น Stellantis ด้วยพวงมาลัยแบบสปอร์ตและเรือนมาตรวัดแสดงผลขนาด 10.3 นิ้ว มีหน้าจออินโฟเทนเมนต์บริเวณตรงกลางขนาด 10.3 นิ้ว เอียงไปทางคนขับ ช่องปรับอากาศด้านซ้านและขวา ดีไซน์ให้รูปร่างเหมือนใบโคลเวอร์สี่แฉกที่เห็นบนตรา Quadrifoglio ของแบรนด์
ขุมพลังการขับเคลื่อน Elettrica และ Ibrida
รุ่น Elettrica (ไฟฟ้าล้วน)
ใช้มอเตอร์เดี่ยวทำงานควบคู่กับแบตเตอรี่ขนาด 54.0 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีให้เลือกระหว่าง 154 หรือ 237 แรงม้า ซึ่งสามารถผลิตพละกำลังได้มากกว่าทั้ง Jeep และ Fiat โดยทั้ง 2 รุ่น เป็นระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ที่สามารถขับขี่ได้ไกลเริ่มต้นตั้งแต่ 250 ไมล์ หรือประมาณ 402 กิโลเมตร ตามมาตรฐาน WLTP ของยุโรป ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 10 ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ในเวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วโมงด้วยเครื่องชาร์จเร็ว DC ขนาด 100 กิโลวัตต์
รุ่น Junior Ibrida (ไฮบริด)
จะมีระบบขับเคลื่อนให้เลือก 2 รูปแบบ ได้แก่ ขับเคลื่อนล้อหน้า และ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ที่ทำงานด้วยเครื่องยนต์ตัวเดียวกันคือ 1.2 ลิตร 3 สูบเทอร์โบชาร์จ จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า 28 แรงม้า ติดตั้งแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 48 โวลต์ ที่ให้พลังงานและกำลังรวมอยู่ที่ 134 แรงม้า มาพร้อมกับระบบส่งกำลัง Manual คลัตช์คู่ 6 สปีด
คุณลักษณะด้านความปลอดภัย
Alfa Romeo มีระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ ซึ่งหมายความว่าผู้ขับขี่จะสามารถใช้ระบบขั้นสูงได้ไม่ว่าจะเป็น ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบเตือนการชนด้านหน้า และการตรวจสอบจุดบอดรอบคัน และยังนำ AWD (All wheel drive) คือ รถที่ขับเคลื่อนแบบ Full Time หรือ ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา กลับมาเป็นตัวเลือกเสริมใน Alfa Romeo อีกด้วย
Alfa Romeo Junior ได้มีการประกาศเปิดจองอย่างเป็นทางการในยุโรป ซึ่งเป็นรุ่น Junior Speciale ที่พร้อมส่งมอบให้กับลูกค้าปลายปี 2567 นี้