หน่วยงานพิทักษ์สิ่งแวดล้อมของสหรัฐอเมริกา (EPA) ภายใต้การนำของ Lee Zeldin ได้ประกาศเตรียมพิจารณายกเลิกระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ หรือระบบ Start-Stop ที่ใช้กันแพร่หลายในรถยนต์รุ่นใหม่ โดยอ้างเหตุผลว่าเทคโนโลยีนี้ไม่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งาน และอาจมีประโยชน์น้อยกว่าที่คาดหวัง
ระบบ Start-Stop หรือ Auto Engine Stop-Start เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่ง เช่น ขณะติดไฟแดง หรือในสภาพการจราจรติดขัด และจะสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่ทันทีเมื่อผู้ขับขี่ถอนเท้าออกจากแป้นเบรก โดยมีเป้าหมายหลักในการประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
อย่างไรก็ตาม Lee Zeldin ผู้บริหาร EPA คนใหม่ ได้โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) ว่า “ระบบ Start-Stop คือระบบที่ทำให้รถยนต์ดับเครื่องทุกครั้งที่ติดไฟแดง เพียงเพื่อให้บริษัทผู้ผลิตได้รับการยกย่องว่าช่วยลดโลกร้อน ซึ่ง EPA อนุมัติระบบนี้มา แต่ทุกคนกลับไม่ชอบมัน ดังนั้นเราจะเข้ามาจัดการแก้ไขปัญหานี้”
แม้ Zeldin ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า EPA จะดำเนินการอย่างไรต่อจากนี้ แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าระบบ Start-Stop อาจถูกห้ามใช้งานในสหรัฐอเมริกาในอนาคต
ที่ผ่านมา มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ขับขี่จำนวนมาก ว่าระบบ Start-Stop ทำให้รถยนต์สตาร์ทช้า มีผลกระทบต่อระบบปรับอากาศในรถยนต์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีอากาศร้อน ส่งผลให้ผู้ใช้งานรู้สึกไม่สะดวกสบายขณะขับขี่
อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าระบบ Start-Stop สามารถช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันได้จริง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรติดขัดบ่อยครั้ง แต่ประโยชน์จะลดลงในเส้นทางที่มีการจราจรคล่องตัว
ความเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการลดกฎระเบียบ (Deregulation) ของ EPA ภายใต้รัฐบาลประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งรวมถึงการลดมาตรฐานการปล่อยมลพิษ และการยกเลิกการรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมหลายรายการ
Source : Drive