BYD Shark รถยนต์ปิคอัพปลั๊กอินไฮบริด รุ่นใหม่ล่าสุดจากแดนมังกร ประเดิมเปิดตัวรถกระบะรุ่นแรกของค่ายในประเทศเม็กซิโก พร้อมชนคู่แข่งที่ยึดครองตลาดอยู่ในปัจจุบันอย่าง Chevrolet Colorado และ Ford Ranger โดยเลือกใช้ขุมพลังเบนซิน พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า Plug-in Hybrid ตอบโจทย์ผู้ใช้งานในกลุ่มกระบะมากขึ้น
ภายนอก BYD Shark
![](https://assets.thaicarlover.com/wp-content/uploads/2024/05/24134546/BYD_Shark_02-650x433.jpg)
ภายนอกรูปลักษณ์ดูบึกบึนตามสไตล์รถยนต์ปิคอัพ มาพร้อมกับไฟหน้าและไฟท้ายทรงเหลี่ยมที่ดูคล้ายกับ Ford Ranger Raptor อย่างกับออกจากโรงงานเดียวกัน รวมถึงโชว์ความเด่นของโลโก้ BYD ได้อย่างดี ราวหลังคาและ Sport Bar ตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา และใช้วัสดุสีเงินในการตกแต่งบริเวณแผ่นกันกระแทกใต้ท้อง ในส่วนของล้ออัลลอยมีขนาด 18 นิ้ว
มิติตัวถังรถ มีดังนี้
- ความยาว 5,457 มิลลิเมตร
- ความกว้าง 1,971 มิลลิเมตร
- ความสูง 1,925 มิลลิเมตร
เปรียบเทียบกับกระบะ 1-ton Pick-up (ยาว x กว้าง x สูง)
- BYD Shark : 5,457 x 1,971 x 1,925 มิลลิเมตร
- Ford Ranger : 5,370 x 1,918 x 1,884 มิลลิเมตร
ภายใน BYD Shark
![](https://assets.thaicarlover.com/wp-content/uploads/2024/05/24134606/000000430797_50334532_b7d2_4f9b_a366_a61bd8d13fd0-650x366.jpg)
ภายในมาพร้อมกับหน้าจอกลางขนาดใหญ่จุใจถึง 12.8 นิ้ว ที่สามารถหมุนได้ เช่นเดียวกับรถรุ่นอื่นๆ ของค่าย ทำงานร่วมกันกับหน้าจอมาตรวัดผู้ขับขี่ขนาด 10.25 นิ้ว พร้อมด้วยการเชื่อมต่อ Android Auto และ Apple CarPlay แบบไร้สาย พร้อมด้วยผู้ช่วยส่วนตัวที่สั่งงานด้วยเสียง โดดเด่นด้วยฟังก์ชั่นร้องคาราโอเกะ ที่สามารถเลือกใช้ไมโครโฟนแบบไร้สายได้อย่างสะดวกสบาย
![](https://assets.thaicarlover.com/wp-content/uploads/2024/05/24134630/000000244711_4fb93320_3d55_491e_9c22_850d0fa2d6f1-650x283.jpg)
นอกจากนี้ยังมีแท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สายที่จ่ายไฟฟ้าแรงสูงด้วยกำลังสูงสุด 50W พร้อมด้วยหน้าจอ head-up display ใหญ่จุใจถึง 12 นิ้ว พร้อมด้วยกุญแจแบบ Digital ที่สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชั่นที่สั่งงานตัวรถได้หลายฟังก์ชั่น
![](https://assets.thaicarlover.com/wp-content/uploads/2024/05/24134643/000000221872_336e868c_d2e6_42fd_bd2e_c6846d2d2124-650x366.jpg)
ขุมพลังการขับเคลื่อน
![](https://assets.thaicarlover.com/wp-content/uploads/2024/05/24134725/000000498029_e2264a2a_f3f3_4e3a_87ab_d1c3d7ae40d6-650x366.jpg)
พละกำลังมาจากเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ ที่ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถผลิตกำลัง 430 แรงม้า มีความสามารถในการลากจูงได้ถึง 5,512 ปอนด์ หรือประมาณ 2,500 กิโลกรัม บรรทุกได้สูงสุด 1,841 ปอนด์ หรือประมาณ 835 กิโลกรัม
ทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาประมาณ 5.7 วินาที ซึ่งก็ถือว่าน่าประทับใจมากเลยทีเดียวเมื่อเทียบกับขนาดของตัวถัง ทำเวลาเทียบเท่ากับ BMW iX2 (เมื่อ iX2 ใช้การออกตัวด้วยระบบ Launch Control)
![](https://assets.thaicarlover.com/wp-content/uploads/2024/05/24135645/BYD_Shark_09-650x433.jpg)
BYD Shark รองรับการชาร์จแบบ DC หรือ Fast Charge ด้วยพอร์ต CCS1 (เป็นมาตรฐานการชาร์จ DC สำหรับอเมริกาเหนือ) สามารถจ่ายกระแสไฟได้สูงสุด 500 แอมป์ และกระแสไฟ DC 1,000 โวลต์ ให้กำลังไฟฟ้าสูงสุด 360 กิโลวัตต์ เป็นระบบการชาร์จแบบรวมโดยใช้โปรโตคอลการสื่อสารเดียวกันกับขั้วต่อ SAE J1772 Type 1 ทำให้สามารถชาร์จ AC และ DCได้ใน 1 พอร์ต แทนที่จะเป็น 2 พอร์ตแยกกัน ซึ่งสามารถชาร์จไฟจาก 30-80% ได้ภายในเวลา 20 นาที
![](https://assets.thaicarlover.com/wp-content/uploads/2024/05/24135205/000000090571_4afcab35_a407_4561_9c3b_3e77f52b0585-650x366.jpg)
ระบบความปลอดภัย BYD Shark
![](https://assets.thaicarlover.com/wp-content/uploads/2024/05/24135228/BYD_Shark_06-1-650x433.jpg)
- ทางด้านระบบความปลอดภัยมีให้แบบจัดเต็มไม่ว่าจะเป็น
- ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้ Adaptive Cruise Control
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า / หลัง Forward / Rear Collision Warning
- ระบบเตือนการชนขณะถอยรถ Rear Cross Traffic Collision Warning
- ระบบเตือนรถออกนอกเลน Lane Departure Warning
- ระบบช่วยเปลี่ยนเลนกระทันหัน Emergency Lane Change Assist
- ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน Automatic Emergency Braking
- กล้องมองรอบคันที่เปลี่ยนมุมมองด้านใต้ท้องรถได้อีกด้วย
การจัดจำหน่าย BYD Shark
![](https://assets.thaicarlover.com/wp-content/uploads/2024/05/24135408/BYD_Shark_05-650x282.jpg)
BYD Shark วางแผนจะวางจำหน่ายในประเทศ Maxico ในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ ซึ่งจะมีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย ได้แก่ GL และ GS โดยที่ทั้ง 2 รุ่น มีระบบส่งกำลังเหมือนกัน มาพร้อมกับราคาเริ่มต้นประมาณ 53,938 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,959,028 บาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน ในส่วนของประเทศไทยก็น่าจะตามมาเร็วๆ นี้แน่นอน