ล้ำหน้าไปอีกขั้น สวีเดนและประเทศอื่นๆ ในทวีปยุโรปเดินหน้าลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ โดยมีประเทศสวีเดนนำร่องพัฒนาถนนสายใหม่แห่งแรกของโลกที่สามารถชาร์จรถไฟฟ้า EV ได้ในขณะขับขี่ มุ่งหวังลดเวลารอชาร์จที่สถานีชาร์จและช่วยส่งเสริมการใช้งานรถ EV ให้มากขึ้น
โดยสวีเดนได้ทดลองใช้ถนนที่ใช้ไฟฟ้าชั่วคราวแล้ว 4 เส้น รวมถึงใน เมืองลุนด์ (Lund) ทางตอนใต้ของสวีเดน (ภาพด้านบน) แต่ถนนยังยาวเพียง 21 กม. (13 ไมล์) แต่จัดตั้งให้เป็นถนนถาวรในการวิ่งชาร์จไฟได้ ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยหน่วยงานขนส่งของสวีเดน (Trafikverket)
แต่ในปัจจุบันกำลังพัฒนาต่อโดยมีชื่อโครงการว่า Electric road system (ERS) โดยมีคุณสมบัติเมื่อรถยนต์หรือรถบรรทุกไฟฟ้าขับหรือแล่นผ่านถนนสายนี้ จะสามารถเติมพลังงานเข้าสู่ตัวรถได้โดยอัตโนมัติ เพิ่มศักยภาพของรถยนต์ไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้ดียิ่งขึ้น
ซึ่งจะเริ่มที่ถนนสาย มอเตอร์เวย์ เส้นทางยุโรป E20 เชื่อมต่อศูนย์กลางการขนส่งระหว่างเมือง Hallsberg และ Örebro ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างใจกลางเมืองใหญ่สามเมืองของประเทศ ได้แก่ สตอกโฮล์ม (Stockholm)โกเธนเบิร์ก (Gothenburg) และมัลโม (Malmö)
ขณะนี้โครงการอยู่ในขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างและมีแผนที่จะสร้างขึ้นภายในปี 2568 แต่วิธีการชาร์จ ยังไม่ได้ตัดสินใจ ว่าจะเป็นการชาร์จแบบใด เพราะมีแนวทางให้เลือก ทั้งแบบ ระบบโซ่ ระบบนำไฟฟ้า (แบบภาคพื้นดิน) และระบบแม่เหล็ก
ระบบโซ่ใช้สายไฟเหนือศีรษะเพื่อจ่ายไฟฟ้าให้กับรถบัสหรือรถรางชนิดพิเศษ อาจไม่เหมาะกับยานพาหนะส่วนบุคคลเท่ากับแบบการชาร์จ ระบบนำไฟฟ้า ซึ่งสามารถใช้ได้กับทั้งรถยนต์ที่ใช้งานหนักและรถยนต์ส่วนตัว
แม้ว่า ระบบถนนไฟฟ้า (ERS) ส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่รถบรรทุก แต่การศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ชี้ให้เห็นว่ารถยนต์ส่วนตัวก็อาจได้รับประโยชน์เช่นกัน จากการประเมินของรัฐบาลสวีเดนคาดว่า หากการพัฒนาถนนอัจฉริยะประสบความสำเร็จ จะช่วยลดการปล่อยมลพิษจากยานพาหนะลงได้มากกว่า 1.2 ล้านตัน/ปี ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าซึ่งจะช่วยลดอัตราการปล่อยคาร์บอนลงได้อีกทาง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net zero ภายในปี 2050 ตามที่ตั้งใจ
นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยผลักดันให้คนเปลี่ยนจากเครื่องยนต์สันดาปมาสู่รถยนต์ไฟฟ้า และที่สำคัญคือเมื่อการจัดสร้างถนนอัจฉริยะเส้นนี้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศแล้ว จะช่วยให้รถยนต์ไฟฟ้าสามารถลดขนาดความจุแบตเตอรี่ลงไปกว่า 70% เพราะถนนที่วิ่งผ่านเป็นแหล่งพลังงานไปในตัว จึงสามารถลดขนาดและอัตราเสื่อมถอยของแบตเตอรี่ รวมถึงเป็นต้นทุนหลักในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย
ด้วยแผนที่จะขยายถนนไฟฟ้าอีก 3,000 กม. ภายในปี 2588 สวีเดนได้ร่วมมือกับเยอรมนีและ ฝรั่งเศส เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ผ่านหน่วยงานและความร่วมมือด้านการวิจัยเกี่ยวกับถนนไฟฟ้า เยอรมนีและสวีเดนมีทดลองใช้มาหลายปีแล้ว และฝรั่งเศสเองก็มีแผนที่จะจัดสร้างเช่นกัน