ย้อนกลับไปในปี 1971 ลัมโบร์กีนีได้สร้างความประทับใจในงานแสดงรถยนต์ที่เมืองเจนีวา ด้วยการเปิดตัวคอนเซ็ปต์คาร์อย่าง Lamborghini Countach รุ่น LP500 และหลังจากนั้นต่อมามันได้สร้างชื่อเสียงบนเส้นทางของตัว
Lamborghini Countach (ลัมโบร์กีนี คูนทาช) ตัวต้นแบบได้ Marcello Gandini มาออกแบบให้ (Paolo Stanzani ออกแบบเวอร์ชั่นผลิตเพื่อวางจำหน่าย) มันคือเป็นรถยนต์รุ่นแรกของ Lamborghini ที่ใช้ประตูแบบ Scissor Doors (ประตูกรรไกร) อีกทั้งมันยังคือแนวหน้าในการออกแบบรถยนต์มีลักษณะที่คล้ายรูปลิ่ม ที่ต่อมาสไตล์การออกแบบดังกล่าวได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์ของค่ายที่ไปอยู่บนกระทิงดุรุ่นอื่น ๆ ของค่าย
การออกแบบดังกล่าวไม่เพียงเป็นความแปลกใหม่ (ในยุคนั้น) ที่น่าประทับใจ แต่ Lamborghini Countach ยังมีตัวถังที่ใช้วัสดุอะลูมิเนียมจากอุตสาหกรรมการบิน และโครงสร้าง (Space Frame) แซสซีใช้ท่อในการออกแบบ ทำให้มันมีความแข็งแรง มีขนาดเบาแม้จะมีรูปร่างที่ใหญ่ และยังต้องวางเครื่องยนต์ขนาดถึง 4.0 ลิตร V12
เครื่องยนต์ V12 ดังกล่าวให้กำลัง 370 แรงม้า ความเร็วสูงสุด 361 นิวตันเมตร อย่างไรก็ตามรถตัวต้นแบบ และรถที่ถูกนำไปแสดงในงานที่เมืองเจนีวา ใช้เครื่องยนต์ขนาด 5.0 ลิตร V12 และสิ่งนี้ทำให้ Walter Wolf ชาวแคนาดาเจ้าของทีมรถสูตรหนึ่งในยุค 70 มีความคิดที่จะเพิ่มสมรรถนะ Lamborghini Countach รุ่น LP400 ของตัวเขาเอง
เมื่อมีความคิดเช่นนั้น เขาจึงขอความช่วยเหลือจาก Gianpaolo Dallara วิศวกรของค่ายกระทิงดุ ให้ติดตั้งเครื่องยนต์ 5.0 ลิตร ที่ให้กำลังถึง 447 แรงม้า และใส่ยาง Pirelli ขนาดใหญ่
จากความประทับใจในการอัพเกรดรถของ Wolf ทำให้ทางผู้ผลิตเชื่อว่าจะสามารถวางขาย Lamborghini Countach กับสิ่งที่พิเศษเหล่านี้ได้ และเมื่อเป็นเช่นนั้นรุ่น LP400 S จึงถือกำเนิดขึ้น แม้ว่ามันจะไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ขนาดใหญ่ก็ตาม แต่ถึงอย่างไรในปี 1982 รุ่น LP500 S ได้ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาพร้อมขุมพลังขนาดใหญ่ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 4.8 ลิตร V8 และในระหว่างปี 1974–1990 ลัมโบร์กีนี คูนทาช ผลิตไปทั้งสิ้น 2,049 คัน
จากประวัติทั้งหมดที่เล่ามาคือความพยายามพาทุกท่านไปพบกับเส้นทางการกำเนิดของ Lamborghini Countach รุ่น LP400 S ที่กำลังจะถูกประมูลโดย RM Sotheby’s ซึ่งจัดขึ้นในเมืองมอนเทอร์เรย์ รัฐแคลิฟอร์เนียระหว่างวันที่ 24-25 กันยายนนี้ โดยคันที่เห็นนี้คือ 1 ใน 105 คันที่อยู่ใน Series II และในปลายปีที่ผ่านมามันผ่านการบูรณะซ่อมแซมที่มีการใช้เงินไปมากกว่า $250,000
บริษัทประมูลเผยว่าบน Lamborghini Countach คันนี้มีลายเซ็นของ Valentino Balboni อดีตหัวหน้าผู้ทดสอบของค่ายกระทิงดุ และมันถูกใช้งานไปเพียง 35,000 กม.
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้ที่ Thaicarlover.com หรืออีกหนึ่งช่องทางง่ายๆ จากทางแฟนเพจ เพียงกด