Polestar 3 Electric SUV เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ตัวรถจะทำการเริ่มผลิตในช่วงกลางปี 2023 ที่โรงงานในเฉิงตูของวอลโว่ โดยคาดว่าจะเริ่มส่งมอบได้ในไตรมาสที่สี่ของปีนั้น ภายในกลางปี 2024 รถรุ่น Polestar 3 จะเริ่มวางจำหน่ายที่ในเมืองริดจ์วิลล์ รัฐเซาท์แคโรไลนา
มิติตัวถัง Polestar 3
- ความยาว 4,900 มม.
- ความกว้าง 2,120 มม.
- ความสูง 1,627 มม.
- ระยะฐานล้อ 2,985 มม.
ภายใน Polestar 3
ภายในออกแบบในสไตล์สแกนดิเนเวีย เน้นวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทางชีวภาพ MicroTech พร้อมจอแสดงผลส่วนกลางขนาด 14.5 นิ้ว (ระบบ Infotainment จะใช้แพลตฟอร์ม Snapdragon Cockpit ของ Qualcomm ความหนาแน่นของพิกเซล 208 ppi และการเคลือบป้องกันแสงสะท้อนเพื่อให้ อ่านค่าได้ ดีเยี่ยมแม้ในแสงแดดโดยตรง รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย Google Maps ในตัว ผู้ช่วยเสียงของ Google การอัปเดตแบบ over-the-air แผงหน้าปัดขนาด 9 นิ้ว หน้าจอ Head-up display แสดงข้อมขับขี่บนกระจก
- เบาะซึ่งมีสีขาว สีดำ สีเทา หรือทั้งสามอย่างรวมกัน ทำจากไมโครเทค ซึ่งเป็นสิ่งทอคล้ายหนังกลับที่ทำจากโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล
- เบาะหนัง Nappa
- หลังคาพาโนรามา ลดรังสีอัลตราไวโอเลตให้เหลือน้อยกว่า 0.5% ลดแสงสะท้อนและความร้อนจากดวงอาทิตย์ และปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานของระบบควบคุมอุณหภูมิในห้องโดยสาร
- กระจกมองข้างหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ
- ไฟบรรยากาสภายในแบบ LED ขาวเรียบง่ายที่รวมเข้ากับแผงหน้าปัดและด้านข้างประตู เพื่อเน้นและปรับปรุงการออกแบบภายใน มีไฟส่องสว่างสีทองในรุ่นสมรรถนะสูง
- การชาร์จแบบไร้สาย ที่ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่รองรับ Qi นอกจากนี้คอนโซลอุโมงค์ของ Polestar 3 ยังติดตั้งพอร์ต USB-C สองพอร์ตที่ด้านหน้า และอีก 2 พอร์ตที่ด้านหลัง กระเป๋าเก็บสายพกพา
- เสียงเซอร์ราวด์ Dolby Atmos
- ระบบเครื่องเสียง Bowers & Wilkins Audio 25 ลำโพง. ระบบเสียง Bowers & Wilkins ขนาด 1610 วัตต์ให้เสียงที่มีรายละเอียดสูงทั่วทั้งรถ
- Polestar ร่วมมือกับ Google เพื่อสร้างระบบสาระบันเทิงตามบริบทที่ใช้งานง่าย ซึ่งขับเคลื่อนโดย Android Automotive OS ที่เชื่อมโยงรถยนต์ ผู้ใช้ และระบบนิเวศดิจิทัลทั้งหมดเข้าด้วยกัน
- การอัปเดตแบบ over-the-air
- รองรับ อินเทอร์เน็ต 5G เพื่อให้เข้าถึงเว็บ อัปเดตการจราจรแบบเรียลไทม์ และแอปยอดนิยม เวอร์ชันเฉพาะในรถยนต์
- ช่องเก็บสัมภาระด้านหลังพื้นกว้าง 1094 มม. และความลึก 1016 มม.
- ปริมาตรรวมด้านหลังเบาะหลังจากพื้นถึงเพดานคือ 484 ลิตร (โดยสามารถเติมได้อีก 90 ลิตรใต้พื้นห้องเก็บสัมภาระ)
- นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มรายละเอียดสีทองสวีเดนอันเป็นเอกลักษณ์ของ Polestar รวมถึงฝาครอบวาล์ว เข็มขัดนิรภัย และแถบไฟภายในที่สลักด้วยเลเซอร์
รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ สมรรถนะสูง
มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลังรวมกว่า 517 แรงม้า แรงบิตสูงสุด 909 นิวตัน-เมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 4.5 วินาที รองรับการชาร์จ 250kW สามารถวิ่งได้ 560 กม./ชาร์จ WLTP ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออิเล็กทรอนิกส์
- แบตเตอรี่ขนาด 114kWh
- อัตราชาร์จ AC 11kW 0-100% 11 ชม.
- อัตราการชาร์จ DC 250kW 10-80% 30 นาที
รุ่นมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ เน้นการขับขี่ระยะไกล
มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ให้กำลัง 489 แรงม้า แรงบิตสูงสุด 840 นิวตัน-เมตร สามารถวิ่งได้ 610 กม./ชาร์จ EPA อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5 วินาที WLTP ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออิเล็กทรอนิกส์
- แบตเตอรี่ขนาด 114kWh
- อัตราชาร์จ AC 11kW 0-100% 11 ชม.
- อัตราการชาร์จ DC 250kW 10-80% 30 นาที
แบตเตอรี่แรงบัน 400V ผลิตโดย CATL ซึ่งจากกว่า Hyundai Ioniq 5 รองรับได้มากถึง 800 โวลต์ช่วยให้มีอัตราการชาร์จที่สูงกว่ามาก
ระบบช่วงล่าง
- Performance mode โหมดจัดการมอเตอร์ และ แรงบิตช่วยเร่งกำลังได้สูงสุดตลอดเวลา
- คาลิปเปอร์เบรค Brembo สีเหลือง ด้านหน้า: คาลิปเปอร์ 4 ลูกสูบอะลูมิเนียมทาสีทองสวีเดน พร้อมดิสก์ขนาด 400 มม. ส่วนด้านหลัง: คาลิปเปอร์มาตรฐานทาสีทองสวีเดน พร้อมดิสก์ระบายอากาศขนาด 390 มม.
- เพลาหน้าและหลังอะลูมิเนียม
- ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมแบบแอกทีฟ วอลลุ่มคู่ Active air suspension, dual volume (ลดความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วสูงขึ้นเพื่อปรับปรุงแอโรไดนามิกส์)
- ระบบกันสะเทือนหน้าแบบปีกนกคู่ Double wishbone front suspension
- ระบบกันสะเทือนหลังแบบ Integral link Integral link rear suspension
Polestar 3 ได้รับการออกแบบที่ตรงหลักแอโรไดนามิก ปรับให้เหมาะสมเพื่อรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวและมีเทคนิคมากขึ้น กระจังหน้าแบบปิด ไฟหน้าแบบ LED กว้า 1.3 ล้านพิกเซล HD LED ไฟท้ายแบบ LED ลากเชื่อมทั้งสองไฟ กระจกมองข้างออกแบบไร้กรอบ มือจับประตูแบบซ่อน
- ช่องเก็บของด้านหน้า บริเวณฝากระโปรงหน้ามีพื้นที่เก็บสัมภาระ 32 ลิตร
- คานลากจูงบริเวณด้านหลังสามารถพับเก็บแบบไฟฟ้าได้ โดยมีความสามารถในการลากจูง 2,200 กก. มาพร้อมระบบ “FIX4BIKE®” และฟังก์ชัน Trailer Stability Assist ที่ช่วยรักษาเสถียรภาพของรถหากรถพ่วงที่เชื่อมต่อ
- ระบบช่วยโหลด โดยจะทำงานในการปรับระบบกันสะเทือนด้านหลัง เพื่อปรับสมดุลน้ำหนักด้านท้าย
- ประตูท้ายเปิดและปิดอัตโนมัติ ด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว
เทคโนโลยีความปลอดภัย
- เซ็นเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว
- เรดาร์ 5 ตัว
- กล้อง 5 ตัว
- เซ็นเซอร์ตรวจสอบผู้ขับขี่ 2 ตัว
- กล้องขั้นสูง และเซ็นเซอร์เรดาร์ภายใน Polestar 3 ตรวจสอบผู้ขับขี่และผู้โดยสาร มีกล้องติดตามตาแบบอินฟราเรดสองตัวในแผงหน้าปัด เช่นเดียวกับเรดาร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว 60 GHz สี่ตัว ระบบเรดาร์เป็นระบบแรกในประเภทนี้ที่ครอบคลุมพื้นที่ภายในรถทั้งหมด รวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง
- ระบบตรวจสอบคนขับ กล้องติดตามตาแบบอินฟราเรดสองตัวจะตรวจสอบเปลือกตา ทิศทางการมอง และการเคลื่อนไหวของศีรษะของคนขับ หากระบบตรวจพบว่าคนขับง่วงหรือฟุ้งซ่าน ระบบจะเปิดใช้งานการเตือนด้วยเสียงและภาพ ในกรณีที่เจ็บป่วยกะทันหันหรือหมดสติ ระบบจะเริ่มต้นการซ้อมรบหยุดฉุกเฉิน กล้องจะไม่เก็บหรือแชร์สิ่งที่เห็น
- Polestar 3 เรดาร์ภายในสี่ตัวจะตรวจสอบการเคลื่อนไหวภายในห้องโดยสารทั้งหมด รวมถึงช่องเก็บสัมภาระด้านหลัง หากตรวจพบการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อย ระบบจะป้องกันการล็อกและแสดงการแจ้งเตือน ตลอดจนส่งเสียงเตือนหากคนขับกำลังเดินออกไป ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกล็อครถผ่านจอแสดงผลส่วนกลางได้ สิ่งนี้ยังช่วยให้ระบบสภาพอากาศของรถทำงาน เพิ่มความสบาย และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำหรือลมแดด
- ระบบตรวจสอบจุดบอด จะเตือนคนขับด้วยไฟเตือนที่รวมอยู่ในกระจกไร้กรอบ หากระบบตรวจจับได้ว่าคนขับตั้งใจจะเปลี่ยนเลน ฟังก์ชันช่วยบังคับเลี้ยว เพื่อให้รถเข้าไปในเลนอย่างปลอดภัย
- ระบบช่วยหลีกเลี่ยงการชนด้านหน้า ระบบจะตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ อาร์เรย์ของเซ็นเซอร์และเทคโนโลยีขั้นสูงช่วยเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนนโดยการตรวจจับคนเดินถนน นักปั่นจักรยาน และความผิดปกติการจราจรที่ทางแยก โดยจะเข้ามาแทรกแซงเมื่อจำเป็น
- ระบบป้องกันการออกนอกเลน Lane Keeping Aid
- กล้อง 360 องศา และ กล้องหลังฟิชอายเพื่อวัดระยะห่างจากสิ่งกีดขวางที่ด้านหน้าและด้านหลังของรถ
- ระบบเตือนจราจรด้านหลัง พร้อมเบรกอัตโนมัติ Cross Traffic Alert
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ Adaptive Cruise Control (ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบปรับได้ขั้นสูงของ Polestar พร้อมการหยุดและขับสูงสุด 128 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) พร้อม Pilot Assist
- ระบบระบุป้ายจราจร ระบบจะตรวจจับและแสดงการจำกัดความเร็วและป้ายจราจรอื่นๆ ในแผงหน้าปัด นอกจากนี้ยังสามารถแจ้งเตือนคนขับได้หากเกินขีดจำกัดความเร็วหรือมีกล้องจับความเร็วอยู่ใกล้ๆ
- ระบบไฟหน้าอัจฉริยะ และ ปรับไฟสูงอัตโนมัติ
- ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ
- ระบบเตือนก่อนการชนด้วยเสียง Acoustic Vehicle Alert System (AVAS)
- ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง
สำหรับเปิดราคาจำหน่ายเริ่ม 79,900 ปอนด์สเตอร์ลิง หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ราวๆ 3.4 ล้านบาท
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้ที่ Thaicarlover.com หรืออีกหนึ่งช่องทางง่ายๆ จากทางแฟนเพจ เพียงกด