ช่วงเดือนธันวาคมนี้อากาศเริ่มจะหนาวเย็นแล้วเป็นสัญญาณของฤดูการท่องเที่ยว ก่อนเดินทางก็ต้องมีการเช็ครถหลังเดินทางหรือท่องเทีย่วแล้วก็ยังต้องดูแลเช็ครถด้วย
ตรวจเช็ครถหลังเที่ยว
ไม่แปลกที่การเช็ครถหลังเที่ยวจะมีคนทำน้อย เพราะคิดว่าได้เช็ครถก่อนเดินทางแล้วเปลี่ยนนั้นเปลี่ยนนี้มาครบแล้วทำไมต้องมาเช็คหลังเที่ยวกันอีก ซึ่งหากคุณใช้รถในการท่องเที่ยวเป็นระยะทางไกล ๆ และหลายวันแล้วละก็ แน่นอนรถจะต้องมีการสึกหรอมากกว่าเดิม จากการใช้งานผ่านสภาพถนนมาหลายรูปแบบ การบรรทุกหนัก แม้กระทั่งเจอรถติดยาวเหยียดในวันหยุดเทศกาล
- สิ่งแรกที่สามารถเช็คได้ง่ายที่สุดก็คือสีรถหรือภายนอกทั้งหมด คุณอาจจะเจอกับยางมะตอย ยางต้นไม้ ขี้นก หรือร่องรอยของหินที่ดีดกระเด็นใส่ แบบนี้จะรอช้าอยู่ทำไมรีบล้างทำความสะอาดเสียดีกว่า
- ลักษณะของยางที่ผ่านสภาพถนนมาหลายรูปแบบ อย่างเช่นเจอถนนที่กำลังทำออาจจะมีเศษไม้ ตะปู หรือเหล็ฏเส้นเล็ก ๆ ทิ่มแทงอยู่ ควรตรวจดูว่าจุดนั้นลมซึมออกหรือไม่ หรือบางครั้งอีกด้านของยาง (ฝั่งที่อยู่ใต้รถ) อาจจะถูกบาดลึกจนฉีกขาดมาโดยที่เราไม่รู้
- ของเหลวต่าง ๆ ตั้งแต่น้ำมันเครื่อง น้ำมันพาวเวอร์ น้ำฉีดกระจก น้ำในหม้อ และน้ำมันเบรค การที่เราทำตามคู่มือก็ถูกต้องแต่การใช้งานที่หนักหน่วงกว่าปกติอาจจะต้องดูแลเพิ่มกว่าเดิมอีกนิด อย่างเช่นน้ำมันเครื่องที่คู่มืออาจจะบอกให้เปลี่ยนทุก 10,000 กิโลเมตร แต่การใช้งานที่ยาวนานและรอบสูงบ่อย ๆ น้ำมันเครื่องจะเสื่อมเร็วกว่าเดิม ถึงแม้จะใช้งานได้อยู่แต่ก็เหมือนเราใช้ของคุณภาพไม่ดี นอกจากนี้หากลุยแอ่งน้ำหรือฝนหนักมากมาควรเช็คสีของน้ำมันเครื่องบ่อย ๆ หากมีสีเหมือนโคลนแสดงว่ามีน้ำไปผสมอยู่ในน้ำมันเครื่องควรรีบเปลี่ยนโดยทันที
- ภายในเป้นที่มาของเชื้อโรค แน่นอนว่าการเดินทางไกลหรือท่องเที่ยวในรถจะต้องมีน้ำและขนมไว้รองท้อง บางคนถึงกับกินข้าวบนรถเลยก็มี เจ้าเศษอาหารที่ตกหล่นอยู่จึงเป็นที่มาของกลิ่นและแหล่งบ่มเพาะเชื้อโรคได้ ควรนำเศษขยะหรืออาหารออกนอกรถ อย่าปล่อยทิ้งไว้ในรถนานหลายวัน
ทั้งหมดนี้สามารถตรวจสอบได้ด้วยตัวเองเพื่อการรถที่รัก เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารการเปิดตัวรถยนต์ และนวัตกรรมใหม่ ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงสาระดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลและขับขี่รถอย่างปลอดภัย การจัดแสดงรถยนต์อื่น ๆ ได้ที่ Thaicarlover.com ครับ
Photo : pixabay